เมต้า

เมต้า
นโยบาย
มาตรฐานชุมชนมาตรฐานการโฆษณาของ Metaนโยบายอื่นๆวิธีที่ Meta ปรับปรุงพัฒนาเนื้อหาที่เหมาะสมกับอายุ

ฟีเจอร์
แนวทางที่เราใช้สำหรับองค์กรและบุคคลที่เป็นอันตรายแนวทางของเราเกี่ยวกับความแพร่หลายของการใช้โอปิออยด์แนวทางที่เราใช้สำหรับการเลือกตั้งแนวทางที่เราใช้สำหรับการให้ข้อมูลผิดแนวทางที่เราใช้สำหรับเนื้อหาที่น่าสนใจแนวทางที่เราใช้สำหรับการจัดอันดับฟีด Facebookแนวทางในการอธิบายการจัดลำดับของเราความช่วยเหลือด้านการเข้าถึงที่ Meta

เครื่องมือศึกษาวิจัย
คลังเนื้อหาและ API คลังเนื้อหาเครื่องมือคลังโฆษณาเครื่องมือและชุดข้อมูลด้านการศึกษาวิจัยอื่นๆ

การบังคับใช้
การตรวจจับการละเมิดการดำเนินการ

การกำกับดูแล
การพัฒนาการกำกับดูแลภาพรวมเกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแลวิธีอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับดูแลกรณีที่คณะกรรมการกำกับดูแลพิจารณาคำแนะนำจากคณะกรรมการกำกับดูแลการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลคณะกรรมการกำกับดูแล: คำถามเพิ่มเติมข้อมูลอัพเดตปีละ 2 ครั้งของ Meta เกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแลการติดตามผลกระทบที่เกิดจากคณะกรรมการกำกับดูแล

การรักษาความปลอดภัย
การระงับภัยคุกคามภัยคุกคามด้านการรักษาความปลอดภัยการรายงานภัยคุกคาม

รายงาน
รายงานการบังคับใช้มาตรฐานชุมชนทรัพย์สินทางปัญญาคำขอข้อมูลผู้ใช้จากหน่วยงานรัฐการจำกัดเนื้อหาตามกฎหมายในท้องถิ่นการหยุดชะงักของอินเทอร์เน็ตรายงานเนื้อหาที่มีการรับชมอย่างแพร่หลายรายงานการกำกับดูแลและความโปร่งใสอื่นๆ

นโยบาย
มาตรฐานชุมชน
มาตรฐานการโฆษณาของ Meta
นโยบายอื่นๆ
วิธีที่ Meta ปรับปรุงพัฒนา
เนื้อหาที่เหมาะสมกับอายุ
ฟีเจอร์
แนวทางที่เราใช้สำหรับองค์กรและบุคคลที่เป็นอันตราย
แนวทางของเราเกี่ยวกับความแพร่หลายของการใช้โอปิออยด์
แนวทางที่เราใช้สำหรับการเลือกตั้ง
แนวทางที่เราใช้สำหรับการให้ข้อมูลผิด
แนวทางที่เราใช้สำหรับเนื้อหาที่น่าสนใจ
แนวทางที่เราใช้สำหรับการจัดอันดับฟีด Facebook
แนวทางในการอธิบายการจัดลำดับของเรา
ความช่วยเหลือด้านการเข้าถึงที่ Meta
เครื่องมือศึกษาวิจัย
คลังเนื้อหาและ API คลังเนื้อหา
เครื่องมือคลังโฆษณา
เครื่องมือและชุดข้อมูลด้านการศึกษาวิจัยอื่นๆ
การบังคับใช้
การตรวจจับการละเมิด
การดำเนินการ
การกำกับดูแล
การพัฒนาการกำกับดูแล
ภาพรวมเกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแล
วิธีอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับดูแล
กรณีที่คณะกรรมการกำกับดูแลพิจารณา
คำแนะนำจากคณะกรรมการกำกับดูแล
การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล
คณะกรรมการกำกับดูแล: คำถามเพิ่มเติม
ข้อมูลอัพเดตปีละ 2 ครั้งของ Meta เกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแล
การติดตามผลกระทบที่เกิดจากคณะกรรมการกำกับดูแล
การรักษาความปลอดภัย
การระงับภัยคุกคาม
ภัยคุกคามด้านการรักษาความปลอดภัย
การรายงานภัยคุกคาม
รายงาน
รายงานการบังคับใช้มาตรฐานชุมชน
ทรัพย์สินทางปัญญา
คำขอข้อมูลผู้ใช้จากหน่วยงานรัฐ
การจำกัดเนื้อหาตามกฎหมายในท้องถิ่น
การหยุดชะงักของอินเทอร์เน็ต
รายงานเนื้อหาที่มีการรับชมอย่างแพร่หลาย
รายงานการกำกับดูแลและความโปร่งใสอื่นๆ
นโยบาย
มาตรฐานชุมชน
มาตรฐานการโฆษณาของ Meta
นโยบายอื่นๆ
วิธีที่ Meta ปรับปรุงพัฒนา
เนื้อหาที่เหมาะสมกับอายุ
ฟีเจอร์
แนวทางที่เราใช้สำหรับองค์กรและบุคคลที่เป็นอันตราย
แนวทางของเราเกี่ยวกับความแพร่หลายของการใช้โอปิออยด์
แนวทางที่เราใช้สำหรับการเลือกตั้ง
แนวทางที่เราใช้สำหรับการให้ข้อมูลผิด
แนวทางที่เราใช้สำหรับเนื้อหาที่น่าสนใจ
แนวทางที่เราใช้สำหรับการจัดอันดับฟีด Facebook
แนวทางในการอธิบายการจัดลำดับของเรา
ความช่วยเหลือด้านการเข้าถึงที่ Meta
เครื่องมือศึกษาวิจัย
คลังเนื้อหาและ API คลังเนื้อหา
เครื่องมือคลังโฆษณา
เครื่องมือและชุดข้อมูลด้านการศึกษาวิจัยอื่นๆ
การรักษาความปลอดภัย
การระงับภัยคุกคาม
ภัยคุกคามด้านการรักษาความปลอดภัย
การรายงานภัยคุกคาม
รายงาน
รายงานการบังคับใช้มาตรฐานชุมชน
ทรัพย์สินทางปัญญา
คำขอข้อมูลผู้ใช้จากหน่วยงานรัฐ
การจำกัดเนื้อหาตามกฎหมายในท้องถิ่น
การหยุดชะงักของอินเทอร์เน็ต
รายงานเนื้อหาที่มีการรับชมอย่างแพร่หลาย
รายงานการกำกับดูแลและความโปร่งใสอื่นๆ
การบังคับใช้
การตรวจจับการละเมิด
การดำเนินการ
การกำกับดูแล
การพัฒนาการกำกับดูแล
ภาพรวมเกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแล
วิธีอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับดูแล
กรณีที่คณะกรรมการกำกับดูแลพิจารณา
คำแนะนำจากคณะกรรมการกำกับดูแล
การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล
คณะกรรมการกำกับดูแล: คำถามเพิ่มเติม
ข้อมูลอัพเดตปีละ 2 ครั้งของ Meta เกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแล
การติดตามผลกระทบที่เกิดจากคณะกรรมการกำกับดูแล
นโยบาย
มาตรฐานชุมชน
มาตรฐานการโฆษณาของ Meta
นโยบายอื่นๆ
วิธีที่ Meta ปรับปรุงพัฒนา
เนื้อหาที่เหมาะสมกับอายุ
ฟีเจอร์
แนวทางที่เราใช้สำหรับองค์กรและบุคคลที่เป็นอันตราย
แนวทางของเราเกี่ยวกับความแพร่หลายของการใช้โอปิออยด์
แนวทางที่เราใช้สำหรับการเลือกตั้ง
แนวทางที่เราใช้สำหรับการให้ข้อมูลผิด
แนวทางที่เราใช้สำหรับเนื้อหาที่น่าสนใจ
แนวทางที่เราใช้สำหรับการจัดอันดับฟีด Facebook
แนวทางในการอธิบายการจัดลำดับของเรา
ความช่วยเหลือด้านการเข้าถึงที่ Meta
เครื่องมือศึกษาวิจัย
คลังเนื้อหาและ API คลังเนื้อหา
เครื่องมือคลังโฆษณา
เครื่องมือและชุดข้อมูลด้านการศึกษาวิจัยอื่นๆ
การบังคับใช้
การตรวจจับการละเมิด
การดำเนินการ
การกำกับดูแล
การพัฒนาการกำกับดูแล
ภาพรวมเกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแล
วิธีอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับดูแล
กรณีที่คณะกรรมการกำกับดูแลพิจารณา
คำแนะนำจากคณะกรรมการกำกับดูแล
การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล
คณะกรรมการกำกับดูแล: คำถามเพิ่มเติม
ข้อมูลอัพเดตปีละ 2 ครั้งของ Meta เกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแล
การติดตามผลกระทบที่เกิดจากคณะกรรมการกำกับดูแล
การรักษาความปลอดภัย
การระงับภัยคุกคาม
ภัยคุกคามด้านการรักษาความปลอดภัย
การรายงานภัยคุกคาม
รายงาน
รายงานการบังคับใช้มาตรฐานชุมชน
ทรัพย์สินทางปัญญา
คำขอข้อมูลผู้ใช้จากหน่วยงานรัฐ
การจำกัดเนื้อหาตามกฎหมายในท้องถิ่น
การหยุดชะงักของอินเทอร์เน็ต
รายงานเนื้อหาที่มีการรับชมอย่างแพร่หลาย
รายงานการกำกับดูแลและความโปร่งใสอื่นๆ
ภาษาไทย
นโยบายความเป็นส่วนตัวข้อกำหนดในการใช้บริการคุกกี้
หน้าหลัก
นโยบาย
การปรับปรุง
เกณฑ์ชี้วัดความแพร่หลาย

ความแพร่หลาย

อัพเดตแล้ว 6 มี.ค. 2025
เป้าหมายของเราคือการลดผลกระทบจากการละเมิดนโยบายของเราที่มีต่อผู้คนที่ใช้บริการของเราให้เหลือน้อยที่สุด เราวัดผลความแพร่หลายของเนื้อหาที่ละเมิดเพื่อประเมินประสิทธิภาพของเราในการดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าว

ความแพร่หลายคืออะไร
ความแพร่หลายคือค่าที่พิจารณาจำนวนครั้งทั้งหมดที่มีการรับชมเนื้อหาบน Facebook หรือ Instagram และวัดเปอร์เซ็นต์โดยประมาณของจำนวนครั้งที่มีการรับชมเนื้อหาที่ละเมิดนโยบาย (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการนิยามยอดดูของเราในหัวข้อ “เหตุผลที่เราวัดค่าความแพร่หลายของการรับชม”) เกณฑ์ชี้วัดนี้ถือว่าผลกระทบที่เกิดจากเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายนั้นแปรผันตรงกับจำนวนครั้งที่มีการรับชมเนื้อหาดังกล่าว
กล่าวอีกอย่างได้ว่า ความแพร่หลายคือค่าที่แสดงให้เห็นถึงจำนวนครั้งที่มีการรับชมเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายซึ่งเราไม่ได้ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะเราพบการละเมิดเหล่านั้นไม่ทันหรือเพราะเราตรวจไม่พบเลย

วิธีที่เราวัดความแพร่หลาย
เราประมาณค่าความแพร่หลายของเนื้อหาที่ละเมิดโดยใช้ตัวอย่างการรับชมเนื้อหาจากทั่วทั้ง Facebook หรือ Instagram ซึ่งเราคำนวณโดยนำจำนวนการรับชมเนื้อหาที่ละเมิดโดยประมาณ หารด้วยจำนวนการรับชมเนื้อหาทั้งหมดบน Facebook หรือ Instagram โดยประมาณ หากค่าความแพร่หลายของภาพโป๊เปลือยและกิจกรรมทางเพศของผู้ใหญ่คือ 0.18% ถึง 0.20% แสดงว่าทุกการรับชมเนื้อหา 10,000 ครั้ง จะมีการรับชมเนื้อหาที่ขัดต่อมาตรฐานในเรื่องภาพโป๊เปลือยและกิจกรรมทางเพศของผู้ใหญ่ของเราโดยเฉลี่ย 18 ถึง 20 ครั้ง
1 จุด = การรับชม 10 ครั้ง
การรับชมรวม 10,000 ครั้ง
การรับชมเนื้อหาที่ละเมิด 20 ครั้ง
Prevalence
หากค่าความแพร่หลายเท่ากับ 0.20% แสดงว่าจากการรับชมทุกๆ 10,000 ครั้ง จะมีการรับชมเนื้อหาที่ละเมิด 20 ครั้ง ถึงแม้ตัวเลขต่างๆ อาจดูต่ำมาก แต่ตัวเลขที่น้อยที่สุดก็สามารถก่อให้เกิดผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อผู้คนได้
การละเมิดบางประเภทเกิดขึ้นไม่บ่อยนักบนบริการของเรา แนวโน้มที่ผู้คนจะรับชมเนื้อหาที่ละเมิดตนเองนั้นต่ำมาก และเราก็ลบเนื้อหาลักษณะดังกล่าวออกเป็นจำนวนมากก่อนที่จะมีใครเห็น หลายครั้งเราจึงพบตัวอย่างเนื้อหาที่ละเมิดไม่มากพอที่จะนำไปใช้ประมาณค่าความแพร่หลายอย่างถูกต้อง ในกรณีเช่นนี้ เราสามารถประมาณขีดจำกัดสูงสุดของความถี่ที่บุคคลหนึ่งจะเห็นเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายเหล่านี้แทนได้ ตัวอย่างเช่น หากขีดจำกัดสูงสุดของการโฆษณาชวนเชื่อของผู้ก่อการร้ายอยู่ที่ 0.04% แสดงว่าจากการรับชม 10,000 ครั้งบน Facebook หรือ Instagram ในช่วงเวลานั้น เราจะประมาณได้ว่ามีการรับชม 4 ครั้งที่มีเนื้อหาซึ่งละเมิดนโยบายว่าด้วยการโฆษณาชวนเชื่อของผู้ก่อการร้ายของเรา
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ เมื่อค่าความแพร่หลายของการละเมิดประเภทหนึ่งต่ำมากจนเราทำได้เพียงระบุขีดจำกัดสูงสุด ขีดจำกัดสูงสุดนี้อาจเปลี่ยนแปลงจุดเปอร์เซ็นต์ไปเพียงหนึ่งส่วนไม่กี่ร้อยในระหว่างระยะเวลาที่มีการรายงาน แต่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนี้อาจไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ในกรณีนี้ การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่าความแพร่หลายของเนื้อหาที่ละเมิดบนบริการของเราจะต่างออกไปในความเป็นจริง

เหตุผลที่เราวัดค่าความแพร่หลายของการรับชม
เราจะประเมินว่ามีการดูเนื้อหาบ่อยเพียงใดมากกว่าจะประเมินจำนวนของเนื้อหาที่โพสต์ เนื่องจากเราต้องการทราบว่าเนื้อหานั้นส่งผลกระทบต่อผู้คนบน Facebook หรือ Instagram มากน้อยเพียงใด เนื้อหาที่ละเมิดรายการหนึ่งอาจได้รับการเผยแพร่ครั้งเดียว แต่มีคนดู 1,000 ครั้ง, 1 ล้านครั้ง หรือไม่มีคนดูเลย การวัดจำนวนการรับชมเนื้อหาที่ละเมิดแทนจำนวนเนื้อหาที่ละเมิดซึ่งได้รับการเผยแพร่จะแสดงถึงผลกระทบที่มีต่อชุมชนได้ดีกว่า ถึงตัวเลขความแพร่หลายจะน้อย แต่ก็ยังสามารถส่งผลกระทบต่อบริการของเราได้อย่างมาก เนื่องจากมีการรับชมเนื้อหาโดยรวมบนบริการของเราเป็นจำนวนมาก
เรานับว่ามีการรับชมเนื้อหาเมื่อเนื้อหานั้นปรากฏขึ้นบนหน้าจอของผู้ใช้ หรือกล่าวคือ การรับชมจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนทำสิ่งต่อไปนี้
  • รับชมโพสต์ ถึงแม้โพสต์นั้นจะประกอบด้วยเนื้อหาหลายส่วน แต่ระบบจะถือว่าการรับชมเป็นของโพสต์นั้น
  • คลิกเพื่อขยายรูปภาพหรือตัวเล่นวิดีโอ โดยเมื่อเกิดขึ้นจะถือว่าการรับชมเป็นของรูปภาพหรือวิดีโอนั้น

วิธีที่เราใช้สุ่มตัวอย่างเพื่อประมาณค่าความแพร่หลาย
เราประมาณค่าความแพร่หลายโดยสุ่มตัวอย่างยอดการรับชมเนื้อหาบน Facebook หรือ Instagram
ซึ่งเราทำโดยให้ทีมลงมือตรวจสอบตัวอย่างการรับชมและเนื้อหาที่อยู่ในตัวอย่างเหล่านั้น จากนั้นเราจะแบ่งตัวอย่างเนื้อหาเหล่านั้นว่าละเมิดหรือไม่ละเมิดนโยบายของเรา ทีมที่รับผิดชอบในเรื่องนี้จะตรวจสอบทั้งโพสต์เพื่อหาการละเมิด แม้ว่าการรับชมที่สุ่มตัวอย่างมาจะไม่ได้แสดงเนื้อหาทั้งหมดในโพสต์นั้นก็ตาม
เราใช้ส่วนหนึ่งของตัวอย่างเนื้อหาที่ละเมิดเหล่านี้เพื่อประมาณเปอร์เซ็นต์ของการรับชมเนื้อหาที่ละเมิดทั้งหมด โดยเราไม่ได้สุ่มตัวอย่างจากทุกส่วนของ Facebook หรือ Instagram สำหรับการละเมิดทุกประเภท
เราใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นสำหรับการละเมิดบางประเภท ซึ่งจะเพิ่มอัตราการสุ่มหากบริบทบ่งชี้ว่าการรับชมเนื้อหารายการนั้นมีโอกาสที่จะมีการละเมิดสูงกว่า เช่น หากมีการรับชมเนื้อหาที่ละเมิดในกลุ่มบ่อยกว่าในฟีด เราจะสุ่มตัวอย่างการรับชมในกลุ่มด้วยความน่าจะเป็นที่สูงกว่าที่เราสุ่มตัวอย่างการรับชมในฟีด เหตุผลหนึ่งของการทำเช่นนี้คือ เราต้องการลดความไม่แน่นอนที่เกิดจากการสุ่มตัวอย่าง เราแสดงความไม่แน่นอนนี้โดยแจ้งค่าเป็นช่วง เช่น บอกว่าการรับชม 18 ถึง 20 ครั้งจากทุก 10,000 ครั้งเป็นการรับชมเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายว่าด้วยภาพโป๊เปลือยและกิจกรรมทางเพศของผู้ใหญ่ ซึ่งช่วงนี้จะสะท้อนให้เห็นว่ามีช่วงความเชื่อมั่น 95% หมายความว่า หากเราดำเนินการวัดนี้ 100 ครั้งโดยใช้การสุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกันในแต่ละครั้ง เราคาดว่าจำนวนที่แท้จริงจะอยู่ภายในช่วง 95 ครั้งจาก 100 ครั้ง
การสุ่มตัวอย่างของการละเมิดบางประเภทที่มีการรับชมไม่บ่อยนักต้องใช้ตัวอย่างเนื้อหาจำนวนมากจึงจะประมาณค่าความแพร่หลายได้อย่างแม่นยำ ในกรณีนี้ เราทำได้เพียงประมาณการขีดจำกัดสูงสุด ซึ่งหมายถึง เรามั่นใจว่าค่าความแพร่หลายของการรับชมเนื้อหาที่ละเมิดจะต่ำกว่าขีดจำกัดนั้น แต่เราไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าต่ำกว่าเท่าใด โดยกรอบความเชื่อมั่นที่เรามีต่อขีดจำกัดสูงสุดเหล่านี้ก็อยู่ที่ 95% เช่นกัน

ข้อควรระวัง
  • บางครั้งผู้ที่จำแนกตัวอย่างของเราก็ทำงานผิดพลาด โดยอาจระบุสิ่งที่ละเมิดว่าเป็นการไม่ละเมิด หรือกลับกัน อัตราที่สัมพันธ์กันของข้อผิดพลาดเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการวัดความแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้ เราจึงอาจใช้เจ้าหน้าที่สองคนตรวจสอบตัวอย่างเพื่อให้การติดป้ายกำกับเป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำ และหากมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น เราจะมีเจ้าหน้าที่คนที่สามเป็นผู้ตัดสินขั้นสุดท้าย
  • สำหรับประเด็นต่างๆ เช่น เนื้อหาที่รุนแรงและโจ่งแจ้ง ซึ่งเป็นเนื้อหาที่อาจถูกระบุว่าสร้างความรบกวน การคำนวณค่าความแพร่หลายของเราจะนับเฉพาะการรับชมเนื้อหาดังกล่าวก่อนที่ระบบจะเพิ่มการปกปิดเนื้อหาเท่านั้น
  • การวัดความแพร่หลายในปัจจุบันจะปกปิดการแสดงเนื้อหา ซึ่งจำนวนการรับชมกว่า 90% บน Facebook และ Instagram มาจากส่วนนี้ แต่จะไม่รวมการสนทนาส่วนตัวบน Messenger หรือ Instagram Direct
  • เพื่อสร้างเกณฑ์ชี้วัดความแพร่หลายทั่วระบบที่สอดคล้องกับความเป็นจริง เราจึงได้ระบุตัวอย่างและจำแนกประเภทของเนื้อหาในหลายๆ ภาษาสำหรับ Facebook และ Instagram อีกทั้งเรายังมั่นใจว่าวิธีการนี้จะช่วยให้ได้มาซึ่งค่าประมาณทั่วระบบที่สอดคล้องกับความเป็นจริง รวมถึงเรายังดำเนินการเพื่อขยายเกณฑ์ชี้วัดดังกล่าวให้ครอบคลุมมากขึ้นด้วย
  • การบังคับใช้เนื้อหาโดยรวมของเรา ทั้งที่ผ่านผู้ตรวจสอบและเทคโนโลยี จะขยายขอบเขตให้รองรับภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย

ความแพร่หลายของบัญชีปลอมบน Facebook
ค่าความแพร่หลายสำหรับบัญชีปลอมบน Facebook คือค่าประมาณเปอร์เซ็นต์ของบัญชี Facebook ที่ใช้งานอยู่ต่อเดือนซึ่งเป็นบัญชีปลอม ค่าความแพร่หลายของบัญชีปลอมต่างจากค่าความแพร่หลายของเนื้อหาที่ละเมิดนโยบาย โดยถือว่าผลกระทบที่เกิดกับผู้ใช้จะแปรผันตรงกับจำนวนบัญชีปลอมที่มีการใช้งานบน Facebook ถึงแม้ว่าผู้คนจะไม่เคยเห็นหรือพบกับบัญชีเหล่านี้เลยก็ตาม
ในการประมาณค่าความแพร่หลายของบัญชีปลอม เราจะสุ่มตัวอย่างผู้ใช้งานต่อเดือนและระบุว่าผู้ใช้เป็นผู้ใช้ปลอมหรือไม่ เรานิยามผู้ใช้งานต่อเดือน (MAU) ว่าเป็นผู้ใช้ Facebook ที่ลงทะเบียนแล้ว และเข้าสู่ระบบรวมถึงเยี่ยมชม Facebook ผ่านเว็บไซต์ของเราหรือผ่านอุปกรณ์มือถือ หรือใช้แอพพลิเคชั่น Messenger ของเรา (และเป็นผู้ใช้ Facebook ที่ลงทะเบียนแล้วเช่นกัน) ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ณ วันที่เริ่มวัดผล
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Meta ใช้วัดปริมาณบัญชีปลอม
ดูรายงานการบังคับใช้มาตรฐานชุมชนฉบับล่าสุด
เมต้า
ศูนย์ความโปร่งใส
นโยบาย
การบังคับใช้
การรักษาความปลอดภัย
ฟีเจอร์
การกำกับดูแล
เครื่องมือศึกษาวิจัย
รายงาน
ภาษาไทย